วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558


พระพุทธศาสนานิกายมหายานนั้นมีพัฒนาการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งสมัยพุทธกาลจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน สอดคล้องกับประยงค์ แสนบุราญ ได้กล่าวไว้ว่า ในขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนชีพอยู่ หรือแม้แต่หลังเสด็จปรินิพพานแล้วใหม่ๆรูปแบบของนิกายมหายานยังไม่ได้เกิดขึ้นแม้แต่ช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 2 พระพุทธศาสนาจะเริ่มแยกอออกเป็น 2 นิกาย คือ เถรวาท (สถวีรวาทิน) และอาจาริยวาท (มหาสังฆิกะ) หรือแม้แต่ในพุทธศตวรรษที่ 3 พระพุทธศาสนาจะแตกออกเป็น 18 นิกายแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นนิกายมหายานแต่อย่างใด เพียงแต่ถือว่าเป็นความคิดของคณาจารย์ที่ไม่ตรงกัน แต่ก็รับว่าเริ่มมีการก่อตัวขึ้นในช่วงนี้ จนเมื่อพุทธศตวรรษที่ 6 (ประมาณพ.ศ.500 เศษๆ) พระอัศวโฆษ ภิกษุชาวเมืองสาเกตในสมัยพระเจ้ากนิษกะแต่งคัมภีร์ศรัทโธตปาทศาสตร์ขึ้น นิกายมหายานซึ่งเป็นกระแสที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเป็นเวลานานจึงปรากฏรูปร่างชัดเจนขึ้นในพุทธศตวรรษนี้และมีพัฒนาการต่อไปอย่างรวดเร็ว (ประยงค์ แสนบุราญ, 2549 : 65) ซึ่งการเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนามหายานในอินเดียเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้น อาจมีสาเหตุมาจากหลายประการดังนี้
1. เกิดจากบ้างนิกายใน 18 นิกาย มหายานได้รับอิทธิพลแนวความคิดมาจากทั้ง 18 นิกายของพุทธศาสนา และที่มีอิทธิพลมากต่อมหายานคือ นิกายมหาสังฆิกะ มหายานค่อยๆ พัฒนาและผสมผสานแนวความคิด หลักปรัชญาจากนิกายต่างๆ แล้วจึงค่อยๆ ปรากฏตัวชัดขึ้นเป็นรูปร่างในราวพุทธศตวรรษที่ 6 โดยอภิชัย โพธิ์ประสิทธิ์ศาสต์ (2527 : 83) กล่าวว่านิกายทั้ง18 นิกาย ต่างมีอุดมคติทัศนะทางหลักธรรมและวัตรปฏิบัติที่แตกต่างกันไปมากบ้างน้อยบ้าง มหายานก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน เกิดขึ้นเพราะมีทัศนะในเรื่องอุดมคติต่างจาก 18นิกายคณาจารย์ในมหายานในสมัยนั้นล้วนแต่เป็นภิกษุใน 18 นิกายมาก่อน ภายหลังจึงแยกตัวออกมาตั้งนิกายมหายาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณาจารย์ในนิกายมหาสังฆิกะ และกลุ่มคณะของนิกายนั้นได้มีบทบาทสำคัญที่ก่อให้เกิดนิกายมหายาน
            2. การเน้นพุทธลักษณะ มหายานมีแนวความคิดว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้มีลักษณะพิเศษ และยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ธรรมดาทั้งหลาย ควรมีสภาวะที่ยั่งยืนไม่มีขอบเขต แต่ด้วยพระมหากรุณาจึงทรงแสดงพระองค์ในภาวะต่างๆ ปรากฏให้เห็นในโลกเพื่อโปรดสัตว์โดยอาจารย์เสถียร โพธินันทะ (2520 : 459-460) กล่าวว่า นิกายมหาสังฆิกะเห็นว่าภาวะของพระพุทธเจ้าทั้งนามและรูปเป็นโลกุตตระ พระชนม์ชีพยังยั่งยืนไม่มีขอบเขต สิ่งที่แตกดับเป็นเพียงมายาธรรมเท่านั้น ความคิดเช่นนี้เองที่ก่อให้เกิดลัทธิมหายาน ได้เห็นตัวอย่างการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ จึงนำเอาโพธิจริยาทั้ง 10 ทัศมาประกาศเป็นพิเศษและตั้งอุดมคติที่จะให้มุ่งสำเร็จสัพพัญญุตญาณ มีโอกาสสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์เป็นประโยชน์แก่สรรพสัตว์และไม่พอใจในการบรรลุพระอรหันต์เพราะถือว่าคับแคบเฉพาะตน

3
3. แรงผลักดันจากการปรับปรุงศาสนาพราหมณ์ ที่มีการแต่งมหากาพย์รามายณะและมหาภารตะเพื่อดึงดูดใจผู้อ่านให้ภักดีต่อพระเจ้า กำหนดให้มีพระเจ้าสูงสุด 3 องค์ คือพระพรหม พระนารายณ์ พระอิศวร ประกอบกับได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์ ศาสนาพราหมณ์จึงฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ฝ่ายพุทธศาสนาจึงจำเป็นต้องปรับตัว โดยอาจารย์เสถียร โพธินันทะ (2519 : 463-465) กล่าวว่าฝ่ายพุทธศาสนาได้มีการปฏิรูปการเผยแพร่พุทธศาสนาเพื่อแข่งขันกับศาสนาพราหมณ์โดยปฏิรูป 2 แนวคือ
ก. แนวแห่งบุคลาธิษฐาน โดยเพ่งเล็งถึงศรัทธาปสาทะของสามัญชนเป็นส่วนใหญ่สำคัญ โดยอนุโลมตามความต้องการของสามัญชน
ข. ปฏิรูปตามแนวแห่งธรรมาธิษฐาน เมื่อบัญญัติลัทธิทางบุคคลาธิษฐานเพื่อจูงศัทธาแล้วก็ต้องให้มีปัญญากำกับ
ด้วยวิธีการนี้เองส่งผลให้พระพุทธศาสนากลับมาครองใจประชาชนอีกครั้ง และสามารถดึงศาสนิกจากศาสนาพราหมณ์ได้เป็นจำนวนมาก ทำให้พระพุทธศาสนากลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
4. เกิดจากพุทธบริษัทฝ่ายคฤหัสถ์ เนื่องจากนิกายมหายานเน้นที่การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ ซึ่งพระโพธิสัตว์เป็นคฤหัสถ์ได้ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้คฤหัสถ์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งอาจารย์เสถียร โพธินันทะ (2520 : 466) ให้ความเห็นว่าจากการปฏิรูปหลักธรรมเพื่อสู้กับพราหมณ์ดังกล่าว แม้จะเกิดจากพระเถระจาก 18 นิกายก็ตามแต่พระเถระเหล่านั้นเน้นการศึกษาปรัชญา ส่วนผู้ที่ปฏิรูปทั้งทางด้านธรรมาธิษฐานและปุคลาธิษฐานคือพุทธบริษัทฝ่ายคฤหัสถ์พุทธบริษัทเหล่านี้พยายามเผยแพร่ศาสนาตามสังคมด้านต่างๆอย่างใกล้ชิดและสะดวกกว่าพระสงฆ์ สามารถเผยแพร่ธรรมได้ทุกกาลสมัย และคนเหล่านี้ก็ปรารถนาโพธิญาณเพื่อจะได้เป็นพระโพธิสัตว์เช่นกันพระโพธิสัตว์ในเพศฆราวาสนี้ยังแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ
ก.    พระโพธิสัตว์ฆราวาสซึ่งประพฤติพรหมจรรย์เหมือนสมณะ ประเภทนี้แม้จะครองเรือนอยู่แต่ก็รักษาความสงบภายในเรียก “ ฆราวาสมุนี ”
ข.   พระโพธิสัตว์ฆราวาสซึ่งยังบริโภคกามคุณเยี่ยงสามัญชนทั่วไป
ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นการเปิดกว้างให้ทุกคนมีส่วนในการทำหน้าที่ช่วยกันประกาศพระพุทธศาสนาไม่ได้จำกัดเฉพาะในคณะสงฆ์เท่านั้น ทุกคนมีบทบาทในการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทำให้รักษาและสืบทอดพระพุทธศาสนามาจนถึงปัจจุบัน
จากมูลเหตุที่กล่าวมาแล้วทั้ง 4 ประการนั้น มหายานได้รับอิทธิพลแนวความคิดมาจาก18 นิกาย โดยเฉพาะนิกายมหาสังฆิกะรวมถึงความคิดการเน้นพุทธลักษณะที่ต่างจากเดิม และยังมีแรงผลักดันจากการปรับปรุงศาสนาพราหมณ์ที่ทำให้ฝ่ายพุทธศาสนาเองต้องมีการปฏิรูปหลักธรรมใหม่เพื่อแข่งขันกับศาสนาพราหมณ์ โดยมีพุทธบริษัทฝ่ายคฤหัสถ์เข้ามามีบทบาทในการเผยแผ่พุทธศาสนาตามสังคมด้านต่างๆอย่างใกล้ชิดและสะดวกกว่าพระสงฆ์จนในที่สุดพระพุทธศาสนามหายานจึงปรากฏชัดเจนในคัมภีร์ศรัทโธปาทศาสตร์ โดยประยงค์ แสนบุญราณ (2548 : 96) ได้กล่าวว่า พุทธศตวรรษที่ 6 พระอัศวโฆษได้นิพนธ์คัมภีร์ศรัทโธปาทศาสตร์ประกาศตัวเองเป็นมหายานอย่างเต็มตัวต่อมาจากพุทธศตวรรษที่ 6-9 นิกายมหายานได้แตกนิกายออกอีก 3 นิกาย เฉพาะในอินเดีย หลังจากนั้นได้เผยแผ่เข้าไปในประเทศธิเบต เนปาล จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม และประเทศอื่นๆ
สำหรับพระพุทธศาสนามหายานในปัจจุบันเจริญรุ่งเรืองในแถบเอเชียตะวันออกได้แก่ ประเทศทิเบต จีน เกาหลี ไต้หวันญี่ปุ่น และเวียดนาม โซนตะวันตกได้แก่ประเทศอังกฤษ อิตาลีเยอรมนี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์สหรัฐอเมริกาและแคนาดา เป็นต้น ส่วนโซนโอเชียเนียนั้นอยู่ในประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์โดยเฉพาะในปัจจุบันพบว่านิกายมหายานได้รับความนิยมจากทั่วโลก ซึ่งจากข้อมูลทางเวบไซต์ www.buddhanet.net ได้ให้ข้อมูลสถิติผู้นับถือพระพุทธศาสนานิกายต่างๆ ทั่วโลก นิกายมหายานมีจำนวนผู้นับถือมากกว่านิกายอื่นๆ คือ มหายาน จำนวน 185,000,000 คน เถรวาท จำนวน 124,000,000 คน วัชรยาน (ทิเบต) จำนวน 20,000,000 คน (http://www.buddhanet.net/e-learning/history/bstats_b.htm)
(ที่มา : Statistics sourced fromwww.adherents.com) 
นอกจากนี้เมื่อทำการเปรียบเทียบค้นหาคำว่า Vajrayan Tibetan, TharavadaและMahayana ในเว็บไซต์ https://www.google.com/trends จะพบว่า Mahayana มีเปอร์เซ็นต์ยอด
การค้นหาสูงกว่า Vajrayan Tibetan, Tharavada นี้ก็แสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ทั่วโลกมีความสนใจในการศึกษาพุทธศาสนามหายานมากกว่านิกายอื่น
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าปัจจุบันพุทธศาสนามหายานหลายนิกายได้เข้าไปเผยแผ่ในหลายๆประเทศซึ่งได้รับความนิยมมากทั้งในวงวิชาการและประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะนิกายเซนและพระพุทธศาสนาแบบทิเบต ที่กำลังได้รับความนิยมจากชาวตะวันตก สาเหตุสำคัญที่ทำให้ชาวตะวันตกหันมานับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานมากกว่านิกายอื่นนั้น เพราะพระพุทธศาสนามหายานเข้าถึงง่ายกว่า ส่วนพระพุทธศาสนาแบบเถรวาทเข้าถึงยากเนื่องจากมีรายละเอียดลึกซึ้งมากกว่า และเกิดความเสื่อมศรัทธาในศาสนาเดิมที่สอนให้เชื่อเพียงอย่างเดียวโดยปราศจากเหตุผล ซึ่งขัดแย้งกับหลักวิทยาศาสตร์ที่กำลังเจริญรุ่งเรืองอยู่ในตะวันตก และเมื่อได้ศึกษาพระพุทธศาสนาที่ท้าทายให้พิสูจน์โดยไม่บังคับให้เชื่อตาม อีกทั้งหลักคำสอนยังยึดเหตุผลและการไม่ใช้ความรุนแรง จึงทำให้ชาวตะวันตกเกิดศรัทธาและหันมานับถือพระพุทธศาสนา สิ่งที่น่าสนใจคือพระพุทธศาสนานิกายมหายานมีหลักคำสอนอย่างไรจึงทำให้ได้รับความนิยมนั้น เป็นสิ่งที่ควรศึกษาถึงหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น