วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559
On 01:59 by EForL No comments
ครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์ได้เสด็จไปเมืองโกสัมพี ในเมืองนั้นมีพระมเหสีพระองค์หนึ่งชื่อว่ามาคันทิยา
พระมเหสีพระองค์นี้อาฆาตแค้นกับพระพุทธองค์เป็นการส่วนตัว เมื่อพระนางทราบว่าพระพุทธองค์เสด็จมาที่เมืองนี้
ก็รีบไปจ้างพวกเจ้าลัทธิต่าง ๆ พวกกรรมกร พวกทาสที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้พากันมาด่าทอพระพุทธองค์และพระภิกษุสงฆ์
ด้วยถ้อยคำหยาบคายต่าง ๆ นานา
พระอานนท์พุทธอุปัฏฐากทนฟังคำด่าทอไม่ไหวจึงกราบทูลให้พระพุทธองค์พาภิกษุสงฆ์เดินทางออกจากโกสัมพี
แต่พระพุทธองค์ได้ตรัสตอบกับพระอานนท์ว่า
"อานนท์!
ถ้าหากว่าเราไปสู่ที่อื่นแล้วถูกคนในที่นั้น ๆ กระทำทารุณด้วยการด่าทอต่อเราอีกจะทำอย่างไร?"
"ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราจักไปสู่ที่อื่น ๆ อีก"
"ถ้าในที่แห่งใหม่นี้ เราก็ยังถูกด่าทอสบประมาทอยู่อีก
เราจะทำอย่างไรต่อไป"
"พวกเราก็ควรไปสู่ที่อื่นต่อไปอีก พระเจ้าข้า"
พระพุทธองค์ทรงนิ่งอยู่ขณะหนึ่ง แล้วทรงเหลียวดูพระอานนท์ด้วยสายพระเนตรที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง
พร้อมกับตรัสว่า
"ดูก่อนอานนท์! อดทนให้เหมาะ ๆ
เสียสักหน่อยเท่านั้นก็จะตัดความยุ่งยากทั้งหมด
มันไม่เป็นที่แน่นอนว่าเราจะหาพบที่แห่งใหม่ ซึ่งไม่มีใครด่าทอในโอกาสขางหน้า
แต่มันเป็นที่แน่นอนว่า เราจะหาพบที่เช่นนั้นได้ในที่ตรงนี้เองหากว่าเราอดทนอดกลั้นกันเสียบ้าง
ด้วยการอดทนอดกลั้นนี่เองนักปราชญ์ทั้งหลายแม้ในกาลก่อนก็สามารถเอาชนะศัตรูได้โดยสิ้นเชิง"
"อานนท์เอ๋ย จงดูช้างซึ่งบุคคลพาเข้าไปสู่สนามรบ
มันพุ่งตัวเข้าไปในท่ามกลางการต่อสู้อันชุลมุนวุ่นวาย มันไม่เอาใจใส่ต่อลูกศรหรือหอกซัดซึ่งคนทั้งหลายพุ่งซัดเข้ามาโดยรอบทิศ
มันตั้งหน้ากระโจนเข้าใส่ข้าศึก ทำลายสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเข้ามาเบื้องหน้าให้ราบ
อานนท์ ตถาคตจักอยู่ในที่นี่
จักเผยแผ่คำสอนที่ถูกต้องด้วยกำลังกายและกำลังใจที่มีทั้งหมดอย่างไม่หยุดยั้ง
เพื่อปลดเปลื้องกิเลสอันชั่วช้าที่ติดแน่นอยู่ในจิตใจของคนเหล่านั้นให้หมดสิ้นไป
ตถาคตจะไม่เอาใจใส่แม้แต่หน่อยเดียวในคำกล่าวร้ายของฝ่ายปฏิปักษ์ซึ่งแกล้งกล่าวร้ายต่อเรา
มันเหมือนกับคนที่ถ่มน้ำลายขึ้นไปบนฟ้าเพื่อให้ฟ้าเปื้อน
แต่น้ำลายกลับตกมารดหน้าของผู้ถ่มนั่นนั้นเอง นี้เป็นฉันใด พวกที่น่าสมเพชซึ่งแกล้งด่าทอเราก็จักประสพภัยกับตัวเองฉันนั้น
เมื่อประชาชนชาวโกสัมพีได้เห็นพระพุทธองค์
และภิกษุสงฆ์มีความอดทนอดกลั้นต่อถ้อยคำกล่าวร้ายของบรรดาเจ้าลัทธิทั้งหลายได้เช่นนั้น
ก็พากันเลื่อมใสและยอมรับนับถือในคำสอนของพระพุทธองค์เป็นอันมาก
อ.ขุ.ธ. เล่ม
๔๐ หน้า ๒๘๕- ๒๘๗ (มมก.)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Search
สนับสนุนผู้เขียน
บทความยอดนิยม
-
ถ้ามนุษย์ทุกคนในโลกรู้ว่าผลแห่ง "ทาน" ที่ตนให้จะส่งผลมากมายขนาดไหน ความ "ตระหนี่" จะไม่เกิดขึ้นในใจของใครๆ เลยแม้แต่น...
-
ศาสนาทุกศาสนา แต่เดิมล้วนมุ้งสอนให้มวลมนุษยชาติอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ปราศจากการประทุษร้ายซึ่งกันและกัน และสอนให้รู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงขอ...
-
เวลาขึ้นบ้านใหม่ หรือมีงานมงคลพิธีต่าง ๆ คนไทยมักจะนิมนต์พระมาสวดเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนกลับหลวงปู่ หลวงพ่อก็มักจะเขียนค...
-
ในกาลนานมาแล้ว เศรษฐีผู้หนึ่งมีภรรยาเป็นหมัน ต่อมาเขาได้นำหญิงอีกคนหนึ่งมาเป็นภรรยา เหตุการณ์โกลาหลเกิดขึ้นเมื่อภรรยาน้อยตั้งท้อง วัน...
-
สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ล้วนมีวิวัฒนาการ การเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ให้สามารถอยู่ได้ยาวนานมากที่สุด พระพุท...
-
การสังคายนาครั้งที่ 3 การสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ พ . ศ . 236 มีปรากฏในอรรถกถา มหาวิภังค์ (วิ.มหา. อ. (ไทย) 1/ 93-11...
-
ผู้ที่ขัดขวางการให้ทานของผู้อื่นได้ชื่อว่าทำความเสื่อม ให้เกิดขึ้นแก่บุคคลถึง 3 คน ได้แก่ 1) ทำความเสื่อมให้เกิดขึ้นแก่ผู้ตั้งใจ...
-
1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์ 2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอย...
-
การสังคายนาครั้งที่ 1 การสังคายนาในครั้งพุทธกาลมีปรากฏในสังคีติสูตร (ที.ปา. (ไทย) 10/ 296-349/ 247-366 ) กล่าวไว้ว่า พระสารีบุตรได...
-
ชาวพุทธเถรวาท คือ ชาวพุทธที่ยึดมั่นในวาทะของพระเถระ ซึ่งก็คือพระอรหันต์ 500 รูป ที่ประชุมกันทำสังคายนาครั้งที่ 1 หลังพุทธปรินิพพาน 3 เดือ...
บทความทั้งหมด
-
▼
2016
(36)
- ► กุมภาพันธ์ (1)
สถิติผู้เข้าชม
ติดตามผู้เขียน
ฟอร์มรายชื่อติดต่อ
ติดตามที่ Facebook
Tags
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น