วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
เมื่อมีความสงสัย หรือคลางแคลงใจในตัวพระภิกษุสงฆ์
ก็ควรทำเยี่ยงอย่างบัณฑิตในกาลก่อนสิ ถึงจะสมกับที่เป็นชาวพุทธ
ไม่ใช่เชื่อถือตามข่าวลือที่ปลอมปนข้อมูลมาด้วยความอคติ
แล้วบัณฑิตในกาลก่อนเขาทำอย่างไร เมื่อเกิดความสงสัย
"หมอชีวกได้ยินเขากล่าวว่าพระพุทธเจ้าสั่งให้คนทั้งหลายฆ่าสัตว์เพื่อทำอาหารมาถวาย"
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ อัมพวัน
หมอชีวกโกมารภัจจ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ
ถวายบังคมแล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าได้ยิน ได้ฟังคำที่เขากล่าวมาว่า...
ชนทั้งหลายย่อมฆ่าสัตว์เจาะจงพระสมณโคดม
พระสมณโคดมทรงทราบข้อนั้นอยู่
ยังเสวยเนื้อที่เขาทำเฉพาะตน
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ชนเหล่าใดกล่าวอย่างนี้
ได้ชื่อว่า กล่าวตรงกับที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส หรือกล่าวบิดเบือนคำสอนของพระพุทธองค์หรือไม่
พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า ผู้ที่กล่าวอย่างนั้นได้ชื่อว่ากล่าวตู่เรา
(บิดเบือน) แล้วพระองค์ก็ชี้แจงไปตามลำดับ จนทำให้หมอชีวกรู้เห็นตรงไปตามความจริง
เกิดความอาจหาญร่าเริงในธรรม
ปัจจุบันสื่อบางสำนัก พยายามประโคมข่าวเกี่ยวกับการกระทำของพระในทางเสีย
ๆ หาย ๆ สร้างความเข้าใจผิดอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ข่าวในด้านดีก็มีอยู่ถมถืด
ไม่รู้ว่ามีเจตนาแอบแฝงทำลายศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อพระรัตนตรัยหรือเปล่า
เพราะวิธีการนำเสนอข้อมูลออกแนวตั้งใจตัดต่อ
แก้ไขเพื่อบิดเบือนข้อมูลให้คนเกิดความเข้าใจผิดซึ่งการกระทำเช่นนี้ส่งผลต่อศรัทธาของชาวพุทธมาก
จริงอยู่การรับข้อมูลช่วงแรกอาจยังไม่บักใจเชื่อ
แต่เมื่อเห็นข้อมูลที่บิดเบือนบ่อยๆ ชาวพุทธก็เริ่มเกิดความสงสัย
พร้อมกับตั้งคำถามต่างๆ
ถ้าชาวพุทธเป็นคนยึดหลัก
มีเหตุผลก็เข้าไปถามผู้รู้หรือตัวเจ้าของเรื่องที่ถูกกล่าวโทษ
แต่ก็มีบางคนที่ตัดสินทันที พอตัดสินทันทีก็เริ่มด่า เริ่มแชร์ข้อมูล
ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กลายเป็นบาปกรรมติดตัวไปเปล่าๆ
เพราะฉะนั้นแล้วอย่าพึ่งด่วนสรุปหรือปักใจเชื่อทันที เราชาวพุทธควรยึดหลักกาลามสูตร
และปฏิบัติต่อพระรัตนตรัยด้วยความเคารพ แล้วบุญกุศลนี้จะค่อยปกป้องให้เรารอดพ้นจากภัยพาลทั้งหลาย
จะเดินทางไปในที่แห่งหนตำบลใดก็มีแต่คนต้อนรับยกย่องสรรเสริญ ด้วยอำนาจแห่งบุญที่ได้ปฏิบัติดีนี้
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
ชาวต่างประเทศที่เดินทางมาท่องเที่ยว
ทัศนศึกษาในประเทศไทย
ถ้าหากจะชมความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนา
หาได้ยากที่จะมีใครเข้าไปห้องสมุดเพื่อค้นพระไตรปิฎก
แต่ส่วนใหญ่มักจะไปชมวัดวาอาราม
หรือวิหาร เจดีย์ต่างๆ
เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่แสดงให้เห็นความเป็นอารยะ
มีศิลปะวัฒนธรรม
อันสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของชาวไทย
ที่เป็นวิถีชีวิตแบบชาวพุทธที่งดงาม
มีความเอื้ออารี
ละเอียดอ่อน
รักสงบ และฝักใฝ่ในความดี
ตลอดจนรักการสั่งสมบุญกุศลที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากพระพุทธศาสนา
-----------
นอกจากนี้
ยังสะท้อนให้เห็นความศรัทธาอันสูงส่ง
ของบรรพบุรุษชาวพุทธไทย
ที่ร่วมใจกันสร้างศิลปวัตถุ
ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม
วิหาร เจดีย์ ที่มีความวิจิตรอลังการ
หรือมีความโอ่อ่าสง่างาม
ที่ล้วนมีจุดมุ่งหมายคือ
เมื่อได้เห็นแล้ว
จักเป็นการเชิดชูจิตใจให้ดีงามสูงส่ง
ให้ผู้คนทั้งหลายได้กราบไหว้บูชา
และย่อมน้อมใจไปถึงสรณะอันประเสริฐคือพระรัตนตรัย
เพราะเป็นความจริงที่ว่า...คนจะเจริญรุ่งเรืองมักชอบทำแต่สิ่งดีๆ
ชอบคิดแต่เรื่องดีๆ
และคนคิดดีๆย่อมจะได้เห็นสิ่งดีๆ
และมีแต่ภาพดีๆอยู่ในใจ
หาใช่ภาพสกปรกลามก
ที่ทำให้ใจคิดแต่เรื่องสกปรกลามกแต่อย่างใด
-------------
ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่
เราควรจะภาคภูมิใจในวัดวาอาราม
วิหารเจดีย์ที่ได้เห็น
ไม่ว่าจะเป็นวัดอรุณราชวราราม
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว)
วัดพระเชตุพนฯ
หรือวัดที่สร้างในยุคปัจจุบัน
เช่น วัดร่องขุน
ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งก่อสร้างหรือภาพศิลปวัตถุ
ที่แสดงให้เห็นถึงความดีและยึดมั่นศรัทธาในพระพุทธศาสนา
และจักร่วมกันรักษาให้ยั่งยืนยาวนานต่อไป
เพราะการได้เห็นภาพดีๆมีค่ากว่าล้านคำ....
Cr.Psomsak
สังคมญี่ปุ่น
มีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ
คนในสังคมไม่ค่อยปรากฏว่ามีใครที่เก่ง
จนโดดเด่น ซึ่งแตกต่างจากสังคมตะวันตก
ที่มีบุคคลที่เก่ง
จนเป็นระดับตำนานเกิดขึ้นจำนวนมาก นั่นเป็นเพราะว่า สังคมตะวันตกยกย่อง
ให้เกียรติ
และส่งเสริมคนมีความสามารถ เปิดเวทีให้คนเก่งได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่
ยกตัวอย่าง รายการทีวี Got
Talent ที่กำเนิดจากสังคมตะวันตก
----------
ส่วนญี่ปุ่น
เป็นสังคมที่เน้นความเป็นหมู่คณะ
มีวินัยและความสามัคคี
เพราะอดีตเป็นสังคมเกษตรกรรม ที่ต้องรวมตัวกันเอาตัวรอดจากการกดขี่ของพวกซามูไร คนญี่ปุ่นไม่มีใครโดดเด่น
แต่ทุกคนจะช่วยกันพยุงคนที่อ่อนแอกว่า ให้มายืนอยู่ในระดับเดียวกัน
----------
ย้อนกลับมาดูสังคมไทยของเราบ้าง
สังคมไทยเป็นสังคมศักดินา เป็นสังคมแห่งการ
หวาดระแวง
และอิจฉาริษยา เมื่อชนชั้นปกครอง เห็นใครมีแววที่จะเก่ง โดดเด่นเหนือกว่าตน
ก็จะใช้วิธีทุบให้จมลงไป
เหมือนใช้ค้อนทุบตะปูให้ราบเรียบเท่ากับตะปูตัวอื่นๆ จนคนที่เก่งๆ
ต้องหนีไปอยู่ที่อื่นกันหมด
วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
วันหนึ่ง มีโจรจำนวนหนึ่งขโมยเงินและทองเป็นจำนวนมากจากบ้านของคนรวยคนหนึ่ง
แล้วหนีมาแบ่งทรัพย์ที่ขโมยมาในนาของชายผู้หนึ่ง
แต่บังเอิญถุงบรรจุทรัพย์ประมาณหนึ่งพันกหาปณะของโจรผู้หนึ่ง
เกิดหล่นอยู่ในนานั้นโดยที่โจรไม่ทันสังเกต
แล้วหนีมาแบ่งทรัพย์ที่ขโมยมาในนาของชายผู้หนึ่ง
แต่บังเอิญถุงบรรจุทรัพย์ประมาณหนึ่งพันกหาปณะของโจรผู้หนึ่ง
เกิดหล่นอยู่ในนานั้นโดยที่โจรไม่ทันสังเกต
ในเช้าวันรุ่งขึ้น พระศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลกด้วยพระญาณพิเศษ
ทอดพระเนตรเห็นชาวนาซึ่งกำลังไถนามาปรากฏอยู่ในข่ายคือพระญาณ
และพระองค์ทรงทราบว่า ชาวนาผู้นี้จะได้สำเร็จพระโสดาปัตติผลในวันนั้น
จึงได้เสด็จไป ณ ที่นั้น โดยมีพระอานนท์เป็นปัจฉาสมณะ(ผู้ติดตาม)
ชาวนาเห็นพระศาสดาแล้ว ได้เข้าไปถวายบังคมแล้วไปไถนาต่อ
พระศาสดาไม่ตรัสอะไรๆกับชาวนา
เสด็จตรงไปยังที่ที่ถุงบรรจุทรัพย์หนึ่งพันกหาปณะตกอยู่
ทอดพระเนตรเห็นถุงนั้นแล้ว
จึงตรัสกะพระอานนทเถระว่า “อานนท์ เธอเห็นไหม อสรพิษ”
พระอานนทเถระทูลว่า “เห็น พระเจ้าข้า
อสรพิษร้าย” จากนั้นพระศาสดา
และพระอานนทเถระก็ได้เสด็จหลีกไปจากที่นั้น
ชาวนาได้ยินถ้อยคำนั้นแล้ว
ก็ได้เดินไปตรงจุดนั้นโดยเข้าใจว่าจะต้องมีอสรพิษอยู่ที่นั่นจริงๆ
แต่แทนที่จะพบอสรพิษกลับพบถุงทรัพย์ เขาจึงนำถุงทรัพย์ไปซ่อนไว้
พวกเจ้าของทรัพย์แกะรอยตามโจรมาถึงนาของชาวนาผู้นั้น
และได้พบทรัพย์ที่ถูกซ่อนไว้นั้น
จึงได้ทุบตีชาวนาแล้วนำตัวไปเฝ้าพระราชา พระราชามีรับสั่งให้นำตัวเขาไปประหารชีวิต
เมื่อชาวนานั้นถูกนำตัวไปที่หลักประหารนั้น เขาได้แต่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า
“
เห็นไหม อานนท์ อสรพิษ เห็น พระเจ้าข้า อสรพิษร้าย”
เมื่อราชบุรุษได้ยินคำพูดซ้ำๆของชาวนานี้แล้ว ก็เกิดความสงสัยเลยนำตัวไปเข้าเฝ้าพระราชา
พระราชาทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า ชาวนาคงอ้างพระศาสดาเป็นพยาน
จึงได้นำตัวชาวนาไปเข้าเฝ้าพระศาสดา
หลังจากที่ได้สดับเรื่องที่พระศาสดาทรงเล่าในเช้าวันนั้นแล้ว
หลังจากที่ได้สดับเรื่องที่พระศาสดาทรงเล่าในเช้าวันนั้นแล้ว
พระราชาได้ทูลพระศาสดาว่า
“พระเจ้าข้า
ถ้าชายผู้นี้ไม่อ้างพระองค์เป็นพยาน เขาก็จะต้องถูกฆ่าแน่ๆ”
พระศาสดาจึงตรัสตอบว่า
พระศาสดาจึงตรัสตอบว่า
“ผู้ฉลาดไม่พึงทำกรรมที่จะนำความเดือดร้อนมาให้ในภายหลัง”
กรณีวัดพระธรรมกายก็เช่นเดียวกัน สงสัยเกรงว่าภาพของการตั้งคดีฟอกเงินไม่ชัด
เลยใช้ปฏิบัติการทางข่าวสาร เพื่อชี้นำว่าวัดพระธรรมกาย
มีที่ดินผิดกฎหมายตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายมือซื้อที่ก็เป็นหนึ่ง
ในวิธีสุดคลาสสิคของการฟอกเงิน
เลยใช้ปฏิบัติการทางข่าวสาร เพื่อชี้นำว่าวัดพระธรรมกาย
มีที่ดินผิดกฎหมายตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายมือซื้อที่ก็เป็นหนึ่ง
ในวิธีสุดคลาสสิคของการฟอกเงิน
อยากจะขอร้องอีกครั้งว่าได้โปรดยุติปฏิบัติการข่าวสารแบบนี้เถอะนะ
สร้างข่าวเท็จรังแต่จะดิสเครดิตผู้เขียนหรือสำนักข่าวไปทุกวัน
"ความน่าเชื่อถือ"เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสำนักข่าว
เมื่อไหร่สิ่งนี้หมดไปสำนักข่าวก็คงจะต้องปิดตัวลงในที่สุด
สร้างข่าวเท็จรังแต่จะดิสเครดิตผู้เขียนหรือสำนักข่าวไปทุกวัน
"ความน่าเชื่อถือ"เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับสำนักข่าว
เมื่อไหร่สิ่งนี้หมดไปสำนักข่าวก็คงจะต้องปิดตัวลงในที่สุด
ทุกสิ่งมีเกิดมีดับเป็นธรรมดา
ระหว่างที่ตั้งอยู่ก็จงดำรงไว้ซึ่งความซื่อตรงเถิด เพราะ
"ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย"
"ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
Search
สนับสนุนผู้เขียน
บทความยอดนิยม
-
ถ้ามนุษย์ทุกคนในโลกรู้ว่าผลแห่ง "ทาน" ที่ตนให้จะส่งผลมากมายขนาดไหน ความ "ตระหนี่" จะไม่เกิดขึ้นในใจของใครๆ เลยแม้แต่น...
-
ศาสนาทุกศาสนา แต่เดิมล้วนมุ้งสอนให้มวลมนุษยชาติอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ปราศจากการประทุษร้ายซึ่งกันและกัน และสอนให้รู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงขอ...
-
เวลาขึ้นบ้านใหม่ หรือมีงานมงคลพิธีต่าง ๆ คนไทยมักจะนิมนต์พระมาสวดเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนกลับหลวงปู่ หลวงพ่อก็มักจะเขียนค...
-
ในกาลนานมาแล้ว เศรษฐีผู้หนึ่งมีภรรยาเป็นหมัน ต่อมาเขาได้นำหญิงอีกคนหนึ่งมาเป็นภรรยา เหตุการณ์โกลาหลเกิดขึ้นเมื่อภรรยาน้อยตั้งท้อง วัน...
-
สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ล้วนมีวิวัฒนาการ การเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ให้สามารถอยู่ได้ยาวนานมากที่สุด พระพุท...
-
การสังคายนาครั้งที่ 3 การสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ พ . ศ . 236 มีปรากฏในอรรถกถา มหาวิภังค์ (วิ.มหา. อ. (ไทย) 1/ 93-11...
-
ผู้ที่ขัดขวางการให้ทานของผู้อื่นได้ชื่อว่าทำความเสื่อม ให้เกิดขึ้นแก่บุคคลถึง 3 คน ได้แก่ 1) ทำความเสื่อมให้เกิดขึ้นแก่ผู้ตั้งใจ...
-
1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์ 2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอย...
-
การสังคายนาครั้งที่ 1 การสังคายนาในครั้งพุทธกาลมีปรากฏในสังคีติสูตร (ที.ปา. (ไทย) 10/ 296-349/ 247-366 ) กล่าวไว้ว่า พระสารีบุตรได...
-
ชาวพุทธเถรวาท คือ ชาวพุทธที่ยึดมั่นในวาทะของพระเถระ ซึ่งก็คือพระอรหันต์ 500 รูป ที่ประชุมกันทำสังคายนาครั้งที่ 1 หลังพุทธปรินิพพาน 3 เดือ...
สถิติผู้เข้าชม
ติดตามผู้เขียน
ฟอร์มรายชื่อติดต่อ
ติดตามที่ Facebook
Tags
ขับเคลื่อนโดย Blogger.