วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

On 00:40 by EForL in    No comments
ครั้งหนึ่ง มีโจรผู้ชอบล้วงกระเป๋า 2 คน เข้าไปที่วัดพระเชตะวัน เพื่อจะขโมยทรัพย์ ของคนที่เข้าไปฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา ในโจรล้วงกระเป๋า 2 คนนี้ คนหนึ่งตั้งใจฟังธรรมจนได้บรรลุพระโสดาปัตติผล แต่โจรอีกคนหนึ่งไม่ได้สนใจฟังธรรมแต่มุ่งที่จะล้วงกระเป๋าอย่างเดียว และก็สามารถล้วงเงินจำนวนหนึ่งไปจากอุบาสกคนหนึ่งได้สำเร็จ หลังจากจบพระธรรมเทศนาแล้วโจรทั้งสองก็ได้เดินทางกลับบ้าน โจรคนที่ล้วงกระเป๋าได้สำเร็จนั้นได้นำเงินไปซื้อสิ่งของมาทำอาหารรับประทาน ส่วนโจรคนที่ได้บรรลุพระโสดาบันไม่มีเงินไปซื้อของมาทำอาหารรับประทาน โจรคนที่ล้วงกระเป๋ามาสำเร็จและภรรยาได้กล่าวเย้ยหยันโจรคนที่เป็นพระโสดาบันว่า ท่านไม่มีแม้แต่อาหารจะรับประทาน เพราะความฉลาดของท่านเมื่อได้ยินคำเย้ยหยันนี้ โจรคนที่ได้บรรลุพระโสดาปัตติผลรำพึงว่า เจ้าคนนี้ สำคัญตนว่าเป็นบัณฑิต ด้วยความเป็นพาล จากนั้นได้เดินทางไปเฝ้าพระศาสดาพร้อม กราบทูลเรื่องนี้แด่พระศาสดา เมื่อพระศาสดาได้สดับเรื่องราวทั้งหมดแล้วจึงตรัสว่า
คนโง่ รู้สึกตัวว่าเป็นคนโง่
พอจะเป็นคนฉลาดได้บ้าง
เพราะความรู้สึกตัวนั้น
แต่คนโง่ สำคัญตนว่าเป็นคนฉลาดนั้น
เรียกว่าคนโง่แท้.


วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559



วันหนึ่ง พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงช้างเผือกเสด็จเลียบพระนคร ได้ทอดพระเนตรเห็นหญิงงามนางหนึ่งยืนอยู่ชั้นบนของปราสาท 7 ชั้น ทรงมีพระทัยเสน่หาในนางขึ้นมาทันที พระองค์ได้ทรงพยายามหาวิธีการที่จะได้นางมาเป็นบาทบริจาริกา เมื่อทรงทราบว่านางเป็นหญิงมีสามีแล้ว ก็ได้มีพระบัญชานำชายผู้เป็นสามีของนางมาเป็นคนใช้อยู่ในพระราชวัง ต่อมาพระองค์ได้รับสั่งชายให้คนนี้เดินทางไปทำงานอย่างหนึ่งอันเป็นงานที่ไม่มีทางจะทำสำเร็จได้ โดยรับสั่งให้เดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างไกลถึง 12ไมล์ แล้วให้ไปนำดอกโกมุท ดอกอุบล และดินสีอรุณจากนาคพิภพกลับมาถวายพระองค์ที่กรุงสาวัตถีในเย็นวันเดียวกันให้ทันเวลาสรงสนานของพระองค์ ทั้งนี้โดยพระองค์มีพระราชประสงค์จะสังหารชายผู้นี้หากเขากลับมาไม่ทันเวลาแล้วริบเอาภรรยาของเขามาเป็นบาทบริจาริกาของพระองค์


ชายผู้เป็นสามีรีบไปนำกล่องอาหารจากภรรยาแล้วออกเดินทางไปแสวงหาสิ่งที่พระราชาทรงต้องการในทันที ในระหว่างทางเขาได้แบ่งอาหารให้แก่เพื่อนร่วมทาง และเขาก็ยังแบ่งข้าวจำนวนหนึ่งโยนลงไปเลี้ยงปลาในน้ำ แล้วร้องตะโกนขึ้นว่าข้าแต่เทพยดาและนาคทั้งหลายผู้สถิตอยู่ในแม่น้ำแห่งนี้ พระราชาปเสนทิโกศลมีพระราชบัญชาให้ข้าพเจ้าไปนำดอกโกมุท ดอกอุบล และดินสีอรุณกลับไปถวายพระองค์ วันนี้ข้าพเจ้าได้แบ่งปันอาหารให้แก่เพื่อนร่วมทางของข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ยังได้นำอาหารเลี้ยงปลาในแม่น้ำแล้วด้วย บัดนี้ข้าพเจ้าขอแบ่งส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่พวกท่านทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงได้เมตตาไปนำดอกโกมุท ดอกอุบล และดินสีอรุณมาให้ข้าพเจ้าด้วยเถิดพระยานาคเมื่อได้ยินคำประกาศของชายผู้นั้นแล้ว ก็ได้แปลงร่างเป็นชายชราไปนำดอกโกมุท ดอกอุบลและดินสีอรุณมาให้ชายผู้นั้น

ในเย็นวันนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเกรงว่าชายหนุ่มอาจจะกลับมาทันเวลา จึงได้มีรับสั่งให้ปิดประตูเมืองก่อนกำหนด เมื่อชายหนุ่มเดินทางมาถึงและพบว่าประตูเมืองปิดเช่นนั้น ก็ได้โยนดินอรุณไว้บนกำแพงเมืองและแขวนดอกโกมุทและดอกอุบลไว้บนธรณีประตู จากนั้นเขาได้ตะโกนประกาศออกมาดังๆว่า ชาวเมืองผู้เจริญทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลาบจงรับทราบเถิดว่า ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากพระราชาสำเร็จลุล่วงแล้ว พระราชาทรงมีแผนที่จะฆ่าข้าพเจ้าด้วยเหตุไม่สมควรหลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินทางจากประตูวังไปที่วัดพระเชตวันเพื่อจะลี้ภัยและก็พบว่าบรรยากาศในวัดมีความสงบร่มรื่นดียิ่งนัก

ขณะเดียวกัน ข้างพระเจ้าปเสนทิโกศล มีความกระสันด้วยแรงกามราคะ จนไม่สามารถหลับพระเนตรลงได้ ทรงครุ่นคิดหาวิธีที่จะสังหารชายหนุ่มในตอนเช้าแล้วยึดภรรยาของเขามาเป็นบาทบริจาริกาของพระองค์ เมื่อถึงเที่ยงคืนพระองค์ก็ได้สดับเสียงประหลาดว่า ทุ. ส. น. โส. ซึ่งความจริงแล้วเป็นเสียงของพวกเปรต 4ตนที่เสวยทุกข์ทรมานอยู่ในนรกชั้นโลหกุมภี เมื่อได้ทรงสดับเสียงประหลาดนี้แล้วก็ทรงมีพระทัยหวาดหวั่น เมื่อรุ่งอรุณของวันใหม่พระองค์ได้ทรงสอบถามปุโรหิตถึงเรื่องนี้ ปุโรหิตได้ทูลว่าจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตแก่พระองค์ จะต้องหาทางแก้ด้วยการบูชายัญ แต่ต่อมาพระองค์ได้เสด็จไปเข้าเฝ้าพระศาสดาโดยคำกราบทูลของพระนางมัลลิการาชเทวี เมื่อพระศาสดาสดับเรื่องเสียงประหลาดเหล่านั้นแล้ว ทรงอธิบายแก่พระราชาว่าเป็นเสียงของเปรต 4ตนที่เกิดอยู่ในโลหกุมภีนรก เปรต 4ตนเหล่านี้เคยเกิดเป็นชายหนุ่มลูกเศรษฐีในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ และได้ตกนรกชั้นโลหกุมภีเพราะประกอบกรรมชั่วเป็นชู้สู่สมกับภรรยาของชายอื่น พระราชาสดับแล้วก็เกิดความสังเวชพระทัยและทรงเกิดความตระหนักถึงผลกรรมชั่วร้ายที่จะบังเกิดจากการเป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น และตัดสินพระทัยว่า จำเดิมแต่นี้ไป เราจักไม่ผูกความพอใจในภรรยาของชายอื่นเพราะว่าแค่เราได้แต่คิดว่าจะเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่นก็มีความทุกข์ทรมานใจจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนจากนั้นพระราชาได้กราบทูลพระศาสดาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทราบความที่ราตรียาวนานในวันนี้

ข้างชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั้น ได้กราบพระศาสดาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระราชาทรงทราบความที่ราตรียาวนานในวันนี้ ส่วนข้าพระองค์เองได้ทราบความที่หนทางแค่โยชน์เดียวไกลมากในวันวาน
พระศาสดา ทรงนำถ้อยคำของพระราชาและของชายหนุ่มนั้นมาผสมผสานกัน
กลางคืนยาวนานมาก สำหรับคนที่นอนไม่หลับ
ระยะทางแค่โยชน์เดียวไกลมาก
สำหรับที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแล้ว
สังสารวัฏ(การเวียนว่ายตายเกิด) เนิ่นนานมาก
สำหรับคนพาลที่ไม่รู้สัจธรรม.

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559

“การทำวัตร” หมายถึง การทำกิจที่ต้องทำจนเป็นกิจวัตรประจำวัน ซึ่งเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้มุ่งแสวงบุญ โดยจะทำกันสองเวลาหรือก็คือการ “ทำวัตรเช้า” และ “ทำวัตรเย็น” นั่นเอง
และนอกจากการทำวัตรแล้วในพิธีการทำวัตร สวดบูชาพระรัตนตรัย,สวดพิจารณาปัจจัยที่บริโภคทุกวัน,สวดเจริญกรรมฐานตามควร,สวดอนุโมทนาทานของทายกและสวดแผ่ส่วนกุศล (กรวดน้ำ) ซึ่งคำสวดเหล่านี้มีแบบสากลใช้ทั่วไป จะมีต่างกันบ้างในบางแห่งก็เฉพาะบางบทที่ตัดออกหรือเพิ่มเติมเข้ามาตามความนิยมในถิ่นนั้น ๆ เท่านั้นครับ



แล้วเราสวดมนต์ทำวัตรไปเพื่ออะไร?
การทำวัตรสวดมนต์ นั้นมีไว้เพื่อให้ชาวพุทธได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนสมัยครั้งพุทธกาลแล้ว และยังเป็นโอกาสผู้ปฏิบัติได้บำเพ็ญพระกรรมฐานอันเป็นอุบายให้จิตเป็นสมาธิมีความสงบ ไม่ฟุ้งซ่านวุ่นวายในขณะนั้น แม้จะชั่วระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง ก็จะมีผลทำให้จิตใจได้พักผ่อนจากอารมณ์ภายนอก ทำให้เกิดความเยือกเย็นเย็นสุขุมขึ้น เหมือนเครื่องยนต์ที่ถูกใช้งานหนักมาแล้วได้ถูกพักบ้างแม้ไม่นานก็ตาม ก็ทำให้เครื่องยนต์นั้นเย็นลงมีกำลังดีขึ้น
ปัจจุบันเราสามารถฟังเสียงสวดมนต์ได้ง่ายขึ้น
โดย Sanook Music ร่วมกับ JOOX Music Application จัดทำ playlist
รวมบทสวดมนต์สำหรับพุทธศาสนิกชน
ที่หาเวลาไปร่วมสวดมนต์ตามวัดต่าง ๆ ไม่ได้ โดยสามารถดาวน์โหลดแอปได้ฟรีที่
App store or Google play

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559


ช่วงปี พ.ศ.2426 เวียดนามต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส (เพราะการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของชนชั้นปกครอง) เมื่อฝรั่งเศสเข้ามาเป็นนายใหญ่ พระพุทธศาสนาก็เริ่มเข้าสู่ยุควิกฤต ชาวพุทธในเวียดนามถูกจำกัดสิทธิ์ทุกอย่างเรียกได้ว่า ถ้าพวกเองเลือกศาสนาพุทธ เองก็ต้องอยู่แบบไม่มีอันจะกินอย่างนี้แหละ แต่ถึงอย่างนั้นชาวพุทธก็ยังมีจำนวนมากอยู่ เมื่อเป็นดังนี้ชนชั้นปกครองที่เป็นชาวฝรั่งเศสได้ออกกฎเพื่อลดจำนวนชาวพุทธ คือ
1. ออกกฎจำกัดจำนวนพระภิกษุในวัด
2. ห้ามสร้างวัดใหม่
3. ห้ามพระรับทรัพย์สิน ฯลฯ
เมื่อพระภิกษุผู้เป็นประดุจช้างเท้าหน้าของพระพุทธศาสนา อยู่อย่างยากลำบากและมองไม่เห็นทางก้าวหน้าของพระพุทธศาสนา จึงละทิ้งสมณะเพศ หรือปลีกตัวเข้าไปอยู่ในป่า ปล่อยให้ศรัทธาสาธุชนอยู่อย่างขาดที่พึ่ง รอดูวันล้มสลายของพระพุทธศาสนาในแผ่นดินแม่ของตนเอง
ในที่สุดก็มีกลุ่มชาวพุทธหัวใจแกร่งยิ่งกว่าไฟ ออกมาแสดงพลังเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม
จนเป็นเหตุให้พระพุทธในเวียดนามเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ


ประเทศไทยยุคปัจจุบัน แม้รูปแบบของการรุกรานจะไม่ชัดเจนเหมือนอย่างกับยุคล้าอาณานิคม แต่ว่าการกระทำหลาย ๆ อย่างของต่างศาสนา เช่น การกว้านซื้อที่ดินเพื่อสร้างศาสนาสถาน การสนับสนุนให้คำสอนเข้าไปอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอน หรือแม้กระทั่งการแทรกซึมเข้าไปนั่งในตำแหน่งสำคัญ ๆ ของบ้านเมือง
การดำเนินการของต่างศาสนิกที่กล่าวมานี้ ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่กำลังเคลือบคลานเข้ามาทุกขณะ และเมื่อใดก็ตามที่เขากลายเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของพระเทศ เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาต้องขาดสูญไปจากแผ่นดินนี้แน่นอน

ตื่นเถิดชาวพุทธ