วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559

หลังพุทธปรินิพพานได้ไม่กี่เดือน พระอานนท์ได้พาลูกศิษย์ของท่านประมาณ 30 รูป

เดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อปลอบประโลมใจพุทธบริษัทสี่ที่ยังเป็นเป็นปุถุชนอยู่ 

ให้หายจากความอาลัยต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พอกลับมาถึงวัดเวฬุวันฯ พระอานนท์รีบเข้าไปพบพระมหากัสสปะ 

พร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่เดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ ว่า 

ลูกศิษย์ที่เดินทางไปด้วยกันครั้งนี้ ได้ลาสิกขาไปหมดแล้ว 

เมื่อพระมหากัสสปะได้ยินดังนั้นก็ตำหนิพระอานนท์ว่า 

"พระอานนท์โตแต่ร่างกาย แต่ยังทำตัวเหมือนเด็ก"

ขณะที่พระมหากัสสปะตำหนิพระอานนท์อยู่นั้น มีภิกษุณีรูปหนึ่งยังไม่ได้บรรลุธรรมขั้นไหน

ชื่อถุลลนันทา นั่งอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้น พอได้ยินคำตำหนิเช่นนั้น ด้วยความที่นางไม่เข้าใจ

ธรรมเนียมปฏิบัติของพระภิกษุ จึงตะโกนต่อว่าพระมหากัสสปะทันทีว่า

"อะไรเล่าพระผู้เป็นเจ้ามหากัสปะ ผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ 

จะมากล่าวหาพระอานนท์ของพวกดิฉันว่าเป็นเด็กได้อย่างไร"

ฝ่ายพระมหากัสสปะท่านก็นิ่ง ๆ แล้วพูดบอกกับพระอานนท์ไปว่า

"อานนท์ผู้มีอายุ ภิกษุณีถุลลนันทายังไม่ทันพิจารณา ก็กล่าววาจา

พล่อย ๆ ซะแล้ว ...ผู้ใดยังไม่ทราบชัดถึงคุณธรรมของเรา แล้วมาพูดว่ารู้ 

ยังไม่เห็น แต่มาพูดว่าเห็น ศีรษะของบุคคลนั้นจะต้องแตกออกเป็นเจ็ดเสี่ยง"

ด้วยผลแห่งกรรมที่นางภิกษุณีถุลลนันทาได้กล่าวไปโดยไม่คิดเช่นนี้ 

ทำให้นางต้องรีบมาขอขมาโทษต่อพระมหากัสสปะ

เพื่อไม่ให้ศีรษะต้องแตกออกไปเจ็ดเสี่ยง แล้วต้องพ้นจากความเป็นภิกษุณีไปในที่สุด

ปัจจุบันเราได้เห็นข่าวเกี่ยวกับพระสงฆ์องค์เจ้าแทบจะทุกวัน 

บางทีพระก็ก่อเหตุเกินกว่าที่โยมจะรับได้จริง ๆ 

แต่บางทีพระไม่ทำอย่างที่เป็นข่าว อาจจะเกมส์การเมืองของผู้มีอำนาจ 

แต่สื่อได้พาดหัวข่าวกล่าวหาพระไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้คนทั่วไปที่ยังขาดวิจารณญาณอยู่ 

ด่าพระสงฆ์องค์เจ้าแบบเสีย ๆ หาย ๆ 

และที่สำคัญคือคนชอบเหมารวมว่าพระทั้งหมดก็คงเป็นอย่างนี้ 

ครั้นจะออกไปแก้ข่าวก็หาว่า

เป็นพวกเดียวกัน ไม่น่าเชื่อถือ 

ที่น่าสงสัยอีกอย่างหนึ่งคือ

พระสงฆ์ไทยกับชาวพุทธที่ดี ๆ นี่มันก็แปลกอยู่เรื่องหนึ่ง ไม่ค่อยพูด ไม่พูด

ไม่ประณาม ไม่ออกมาชี้แจง

เราจึงเห็นการแสดงความคิดของคนที่ไม่มีศีลธรรม แต่อวดตัวว่ารู้ดีเรื่องพระมาพูดกันเต็มไปหมด



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น