วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
On 04:12 by EForL No comments
การที่บุคคลคนหนึ่ง
มีความคิดขึ้นมาในใจว่า “อยากจะออกจากทุกข์แล้วช่วยเหลือคนอื่นๆให้ออกจากทุกข์ด้วย”
ถือเป็นความคิดที่ยิ่งใหญ่มาก ในภาษาพระบุคคลที่มีความคิดเช่นนี้ เรียกว่า พระโพธิสัตว์
คนที่เป็นพระโพธิสัตว์
ต้องใช้เวลาสร้างความดีและฝึกฝนอบรมตนเองมาหลายภพ หลายชาติมากจนในที่สุด
เมื่อคุณธรรมความดีภายในตัวเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ก็ได้ตรัสรู้ธรรม
เปลี่ยนสถานะตนเองจากพระโพธิสัตว์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในพระไตรปิกฎได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับช่วงเวลาที่พระโพธิสัตว์
เปลี่ยนสถานะพระองค์เองมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้น่าสนใจมาก
ซึ่งตัวผู้เขียนได้อ่านเรื่องราวนี้เป็นครั้งแรกแล้วเกิดอาการขนลุกด้วยความปีติ
และภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ
และคิดว่าชาวพุทธทั้งหลายคงมีความรู้เช่นเดียวกัน ถ้าได้ทราบเรื่องราวนี้
หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว
พระองค์ทรงเปล่งอุทานว่า
“เราเมื่อแสวงหานายช่างคือตัณหาผู้กระทำเรือน เมื่อไม่ประสบได้ท่องเทียวไปในวัฏสงสารมิใช่น้อย ความเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนนายช่างผู้กระทำเรือน เราเห็นท่านแล้ว ท่านจักทำเรือนไม่ได้อีกต่อไป โครงเรือนทั้งปวงของท่านเราหักแล้ว ยอดเรือนเรากำจัดแล้ว จิตของเราถึงวิสังขารคือนิพพานแล้วเราได้ถึงความสิ้นตัณหาแล้ว ”
เมื่อได้อ่านประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
(เพราะชอบประโยคนี้มาก) จึงลองตีความตามดวงปัญญาอันน้อยนิดของตนเองได้ว่า
ความอยากได้
อยากมี อยากเป็น (ตัณหา) ในดวงจิตทำให้เกิดร่างกาย (เรือน) เมื่อยังตัดความอยากเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ต้องเกิด
แก่ เจ็บ ตาย อยู่บ่อย ๆ ซึ่งการเกิดบ่อย ๆ นี้เป็นทุกข์มาก เกิดเป็นคนรวยก็ทุกข์แบบคนรวย
เกิดเป็นคนจนก็ทุกข์แบบคนจน เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยิ่งทุกข์
เมื่อได้ตรัสรู้ธรรมพระองค์ได้เข้าไปเห็นตัวที่ทำให้เกิดความอยากเหล่านั้น
พระองค์ได้หักโครงเรือนคือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง
และทำลายยอดเรือนคือความไม่รู้ทั้งหลายหมดสิ้นแล้ว จิตของพระองค์สะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีเชื้อให้ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป
(นิพพาน)
คนที่สามารถเปล่งคำพูดได้อาจหาญอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเรา
ในโลกนี้คงไม่มีอีกแล้ว เพราะฉะนั้น เราควรภาคภูมิใจที่ศาสนาพุทธกำลังเจริญรุ่งเรืองอยู่ในแผ่นดินแห่งนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสไปวัด ได้ทำบุญ และได้ศึกษาพระธรรมเทศนาแล้วนำคำสอนมาใช้ในการดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องในเส้นทางแห่งการเวียนวายตายเกิดอันยาวไกลนี้ ตราบใดที่เรายังไม่หมดกิเลสก็ต้องเกิดอยู่เรื่อย ๆ ส่วนว่าจะเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่เราจะออกแบบเอาเองในชาตินี้ แล้วท่านทั้งหลายกำลังออกชีวิตกันอย่างไรในชาตินี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Search
สนับสนุนผู้เขียน
บทความยอดนิยม
-
ถ้ามนุษย์ทุกคนในโลกรู้ว่าผลแห่ง "ทาน" ที่ตนให้จะส่งผลมากมายขนาดไหน ความ "ตระหนี่" จะไม่เกิดขึ้นในใจของใครๆ เลยแม้แต่น...
-
ศาสนาทุกศาสนา แต่เดิมล้วนมุ้งสอนให้มวลมนุษยชาติอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ปราศจากการประทุษร้ายซึ่งกันและกัน และสอนให้รู้ถึงเป้าหมายที่แท้จริงขอ...
-
เวลาขึ้นบ้านใหม่ หรือมีงานมงคลพิธีต่าง ๆ คนไทยมักจะนิมนต์พระมาสวดเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนกลับหลวงปู่ หลวงพ่อก็มักจะเขียนค...
-
ในกาลนานมาแล้ว เศรษฐีผู้หนึ่งมีภรรยาเป็นหมัน ต่อมาเขาได้นำหญิงอีกคนหนึ่งมาเป็นภรรยา เหตุการณ์โกลาหลเกิดขึ้นเมื่อภรรยาน้อยตั้งท้อง วัน...
-
สรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ล้วนมีวิวัฒนาการ การเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ให้สามารถอยู่ได้ยาวนานมากที่สุด พระพุท...
-
การสังคายนาครั้งที่ 3 การสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ พ . ศ . 236 มีปรากฏในอรรถกถา มหาวิภังค์ (วิ.มหา. อ. (ไทย) 1/ 93-11...
-
ผู้ที่ขัดขวางการให้ทานของผู้อื่นได้ชื่อว่าทำความเสื่อม ให้เกิดขึ้นแก่บุคคลถึง 3 คน ได้แก่ 1) ทำความเสื่อมให้เกิดขึ้นแก่ผู้ตั้งใจ...
-
1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์ 2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอย...
-
การสังคายนาครั้งที่ 1 การสังคายนาในครั้งพุทธกาลมีปรากฏในสังคีติสูตร (ที.ปา. (ไทย) 10/ 296-349/ 247-366 ) กล่าวไว้ว่า พระสารีบุตรได...
-
ชาวพุทธเถรวาท คือ ชาวพุทธที่ยึดมั่นในวาทะของพระเถระ ซึ่งก็คือพระอรหันต์ 500 รูป ที่ประชุมกันทำสังคายนาครั้งที่ 1 หลังพุทธปรินิพพาน 3 เดือ...
บทความทั้งหมด
-
►
2016
(36)
- ► กุมภาพันธ์ (1)
สถิติผู้เข้าชม
ติดตามผู้เขียน
ฟอร์มรายชื่อติดต่อ
ติดตามที่ Facebook
Tags
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น